วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ความหิวนี้เป็นทุกข์

อีก 2 วันจะครบ 1 เดือนของการงดเว้นอาหารเย็น สาเหตุของการไม่ทานอาหารเย็นนั้นเริ่มมาจาก
พุงเจ้ากรรมที่มันกำเริบเสิบสาน ยื่นออกมาจนแทบจะมองไม่เห็นหัวแม่เท้าตัวเอง เลยตัดสินใจงดอาหารเย็นแต่หันมาทานตอนเช้าแทน

วันแรกๆ นั้นความไม่เคยชินทำให้ร่างกายเป็นทุกข์มาก แต่วันหลังๆ เริ่มเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อาการหิวนี้คล้ายๆ เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อในอดีต ที่ยังจำได้ดี

  • เมื่อครั้งสมัยเรียน ปวช. หลังจากจบ ม.ต้น ผมก็ออกจากบ้านมาอาศัยกับญาติเพื่อเรียนต่อระดับ ปวช. ระยะทางบ้านที่อาศัยกับวิทยาลัยนั้นห่างกันประมาณ 30 กิโลเมตร เดินทางโดยรถประจำทางไป-กลับก็ 60 กม. ผมเลยตัดสินใจย้ายมาอยู่ในวิทยาลัย โดยมาศัยกับเพื่อนรุ่นน้องที่มีศักดิ์เป็นญาติกัน โดยอยู่กันที่บ้านพักนักการภารโรง

    วันที่ย้ายของ หลังจากเลิกเรียนผมก็กลับไปขนของทันที ตอนนั้นมีเพียงเสื้อผ้าเท่านั้น แต่ด้วยระยะทางและต้องรอรถประจำทาง กว่าจะเสร็จเรียบร้อยเวลาก็ค่ำมากแล้ว ซึ่งร้านค้า ร้านข้าวปิดไปหมดแล้ว คืนนั้นหิวมากเนื่องจากไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่กลางวัน ประกอบกับยุ่งเรื่องย้ายของ ร่างการต้องการอาหาร ผมจำต้องนอนหิวกระทั่งหลับไป
  • เมื่อครั้งเรียนต่อ ป.ตรี จำได้ว่าครั้งหนึ่งไม่มีเงินติดตัวแม้บาทเดียว และยังไม่ถึงเวลาที่ทางบ้านจะโอนเงินมาให้ ผมประทังความหิวโดยการดื่มน้ำประปาในห้องน้ำ (น้ำที่ทาง กทม. บอกว่าน้ำประปาดื่มได้นี่แหละ แถมบางครั้งใจดี ส่งน้ำชามาให้ดื่มด้วยนะ) และคนที่ยื่นมือมาช่วยเหลือให้ออกจากความหิวในวันถัดไป ปุจจุบันเขาคือภรรยาของผม สุดท้ายเรียนไม่จบออกมาทำงานส่งตัวเองเรียนอีกครั้ง ครั้งนี้ตั้งใจ ไม่พลาด
  • เมื่อครั้ง บวช แน่นอนว่าการถือเพศสมณะ เป็นนักบวชในพุทธศาสนานั้นมีข้อห้ามในการบริโภคอาหารยามวิกาล แต่ไม่น่าเชื่อ ทั้งๆ ที่รู้และได้ฝึกตนมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ความหิวช่างเหมือนบททดสอบศรัทธา รุมเร้าประดังเข้ามาไม่ว่างเว้น แต่ผมก็สามารถผ่านมันมาได้ด้วยดี
  • เมื่อครั้งเฝ้าไข้แม่ที่ล้มป่วย แม้ครั้งนี้ความหิวไม่ได้เกิดกับตัวผมเอง แต่ความทรงจำยากลบเลือน แม่ผมป่วยด้วยโรคมะเร็งช่องปากทำให้ไม่สามารถทานอาหารอะไรได้เลย ยิ่งเมื่ออาการหนักเข้า แม้อ้าปากดูดน้ำจากหลอดก็มิสามารถทำได้ ผมรู้ว่าแม่หิว(ท่านไม่ได้รับอาหารทางสายยางหรือทางใดๆ เลย) ผมดูแลพยาบาลท่านกระทั่งท่านจากไป ความทุกข์ของท่านครั้งนี้ช่างยาวนานกินเวลาหลายเดือน

แล้วผมได้อะไร ผมได้รู้ว่า
  1. อย่าหลงกับวัย ลองย้อนมองดูเหตุการณ์ตั้งแต่เริ่มต้น 4 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีช่วงเวลาใหนที่อยู่ในช่วงเวลาเดียวกันเลย ต่างกรรม ต่างวาระทั้งนั้น โดยที่เราไม่ได้เอะใจ เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว คนรอบข้างเริ่มจากไปครั้งละคน ผ่านมาจะครึ่งชีวิตอีกไม่นานผมก็คงต้องจากไป  เมื่อไปแล้วจะเกิดอะไนขึ้นกับคนข้างหล้ง ผมหรือคุณได้ทำอะไรไว้ให้คนรุ่นหลังแล้วหรือยัง เราได้ประกอบกรรมดีแล้วบ้างใหม
  2. อย่าประมาท เราอาจคิดว่ายังเหลือเวลาอีกกึ่งหนึ่ง ทั้งที่ความจิงไม่ใช่ เวลาของคุณอาจมีเพียงแค่นาทีนี้ก็เป็นได้ ดูแม่ผมสิ ในความคิดผมคิดว่าท่านแข็งแรงน่าจะอยู่ได้อีกนานหลายปี แต่ความจริง ท่านอยู่กับผมเพียง 2 ปีหลังจากผมแต่งงาน / เพียง 6 เดือนหลังจากผมรู้ข่าวท่านป่วย / เพียง 1 เดือนที่ผมพยาบาลท่าน / เพียงไม่กี่นาที่ที่ผมละสายตาจากท่าน ณ ขณะดูแลวาระสุดท้าย ท่านก็จากผมไปโดยไม่ได้ทันดูใจ
  3. พยายาม ผมเป็นลูกชาวสวนเรียนโรงเรียนขยายโอกาศ กู้เงิน กยศ ผมต้องออกจากบ้านเมื่ออายุ 15 ปีเพื่อไปศึกษา แถมเรียนไม่จบอีก ถ้าไม่พยายามแล้วเริ่มใหม่ผมจะเรียนจบมาได้อย่างไร
  4. ผิดแล้วแก้ไข เรียนไม่จบ ผมรู้ว่าเพราะอะไรผมสามารถแก้ไขมันและทำให้มันเป็นบทเรียนที่มีค่า คุณควรทำแบบนั้น
ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่งดอาหารเย็น สติก็บังเกิดได้มากเพียงนี้